เหงือกบวม

เหงือกบวม คืออะไร

เหงือกบวม

เหงือกบวม คือ ภาวะที่เหงือกมีอาการบวม แดง เจ็บ หรือมีเลือดออก โดยมักเกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อในช่องปาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ

ตอนที่ 1 : เหงือกบวมเกิดจากอะไร 

ตอนที่ 2 : เหงือกบวมแบบไหนต้องพบแพทย์ 

ตอนที่ 3 : วิธีรักษาเหงือกบวม 

ตอนที่ 4 : อาหารสำหรับคนเป็นเหงือกบวม 

ตอนที่ 5 : สรุป

เหงือกบวม เกิดจากอะไร

เหงือกบวม

เหงือกอักเสบเกิดจากหลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในช่องปากโดยตรง รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อเหงือกโดยอ้อม ดังนี้

1.) คราบพลัคและหินปูนสะสม 

  • เมื่อแปรงฟันไม่สะอาด ทำให้แบคทีเรียสะสมบนฟันและเหงือก เกิดเป็นคราบพลัค 
  • หากไม่ทำความสะอาด จะกลายเป็นหินปูนและทำให้เหงือกอักเสบ 

2.) โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) 

  • เป็นภาวะเริ่มต้นของโรคเหงือก เหงือกจะบวม แดง และเลือดออกง่าย 

3.) โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) 

  • หากเหงือกอักเสบไม่ได้รับการรักษา จะลุกลามถึงกระดูกและเนื้อเยื่อที่ยึดฟันไว้

4.) การแปรงฟันแรงเกินไป หรือใช้แปรงขนแข็ง 

  • ทำให้เหงือกช้ำและบวม 

5.) ฟันคุดหรือฟันผุ 

  • ส่งผลให้เหงือกบริเวณใกล้ฟันนั้นอักเสบ บวม หรือเป็นหนอง
สาเหตุ เหงือกบวม

6.) การติดเชื้อในช่องปาก 

  • เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา (เชื้อราแคนดิดา) หรือไวรัสเริม 

7.) ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง 

  • เช่น ในช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน เหงือกจะบวมได้ง่ายกว่าปกติ 

8.) การใส่อุปกรณ์ในช่องปากที่ไม่พอดี 

  • เช่น ฟันปลอม หรือเหล็กจัดฟันที่กดทับเหงือก 

9.) ขาดสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินซี 

  • ทำให้เหงือกอ่อนแอ บวมง่าย เลือดออกง่าย (เช่น โรคลักปิดลักเปิด) 

10.) ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ 

  • เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน มะเร็ง หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิ

เหงือกบวมแบบไหนต้องพบแพทย์

อาการเหงือกอักเสบบางกรณีอาจหายเองได้เมื่อดูแลช่องปากให้ดีขึ้น แต่ถ้ามีอาการต่อไปนี้ ควรพบแพทย์หรือทันตแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่รุนแรงขึ้น

อาการเหงือกบวมที่ควรไปพบแพทย์

  1. บวมต่อเนื่องเกิน 1 สัปดาห์ : ถ้าบวมไม่ยุบหรือกลับมาบวมซ้ำบ่อย ๆ อาจเป็นโรคเหงือกเรื้อรังหรือมีปัญหาอื่นซ่อนอยู่ 
  2. เหงือกมีอาการปวดร่วมด้วย : โดยเฉพาะปวดจนรบกวนการกินหรือการพูด 
  3. มีหนอง หรือกลิ่นปากรุนแรง : เป็นสัญญาณของการติดเชื้อ อาจเป็นฝีหนองในเหงือก หรือฟันเป็นหนอง 
  4. มีเลือดออกจากเหงือกขณะไม่แปรงฟัน : ถ้าเหงือกเลือดออกง่ายผิดปกติ ควรตรวจดูว่าเป็นโรคเหงือกหรือสาเหตุอื่นหรือไม่ 
  5. เหงือกถอยหรือมีช่องว่างระหว่างฟันมากขึ้น : อาจเป็นสัญญาณของโรคปริทันต์ที่ลุกลามไปถึงกระดูกยึดฟัน 
  6. มีอาการบวมที่ใบหน้า หรือกรามร่วมด้วย : เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ลุกลามไปยังโพรงไซนัสหรือขากรรไกร 
  7. มีไข้หรือรู้สึกอ่อนเพลียร่วมกับเหงือกบวม : อาจเป็นการติดเชื้อที่กระจายสู่ร่างกาย ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
  8. เหงือกอักเสบในผู้ที่มีโรคประจำตัว : เช่น เบาหวาน หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป

วิธีรักษา เหงือกบวม

รักษา เหงือกบวม

การรักษาเหงือกอักเสบจะขึ้นอยู่กับ สาเหตุของการบวม ว่าเกิดจากอะไร และสามารถแบ่งแนวทาง หวยไว ได้ แต่สามารถแบ่งแนวทางการรักษาออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ การดูแลเบื้องต้นด้วยตัวเอง และ การรักษาทางทันตกรรม ดังนี้

วิธีรักษา เหงือกบวม เบื้องต้น (ทำเองได้)

  1. แปรงฟันอย่างอ่อนโยน : ใช้แปรงขนอ่อน และอย่าแปรงแรง เพราะจะทำให้เหงือกบาดเจ็บมากขึ้น 
  2. ใช้น้ำเกลือล้างปาก : ผสมน้ำอุ่นกับเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำ 1 แก้ว กลั้วปาก 30 วินาที วันละ 2–3 ครั้ง ช่วยลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย 
  3. ใช้ยาสีฟัน/น้ำยาบ้วนปากสูตรสำหรับเหงือก : เช่น ยาสีฟันสำหรับเหงือกอักเสบ หรือมีส่วนผสมของคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) 
  4. ประคบน้ำแข็งหรือผ้าชุบน้ำเย็น : เพื่อลดอาการบวม บรรเทาอาการปวด 
  5. หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ : หวานจัด ร้อนจัด เผ็ดจัด หรืออาหารแข็ง/เหนียว
  6. พักผ่อนให้เพียงพอ : ลดความเครียด ช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดี

ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือเรื้อรัง

  1. ขูดหินปูน : ถ้าเกิดจากคราบหินปูนสะสมหรือเหงือกอักเสบ
  2. ล้างหนอง : ถ้ามีการติดเชื้อหรือเป็นหนอง
  3. ถอนฟัน :  หากฟันผุรุนแรง จนไม่สามารถรักษาได้
  4. การผ่าตัดเหงือก : สำหรับโรคเหงือกรุนแรง เช่น ปริทันต์อักเสบ
  5. จ่ายยาปฏิชีวนะหรือยาแก้อักเสบ : ถ้ามีการติดเชื้อจากแบคทีเรีย

อาหารสำหรับคนเป็นเหงือกบวม

เหงือกบวม

คนที่มีอาการเหงือกอักเสบควรเลือกรับประทานอาหารที่ อ่อนนุ่ม ไม่ระคายเคืองเหงือก และมีสารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ เพื่อช่วยให้เหงือกฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ต่อไปนี้คืออาหารที่เหมาะสำหรับคนเป็นเหงือกอักเสบ

อาหารที่แนะนำ

  1. อาหารอ่อน เคี้ยวง่าย โจ๊ก ข้าวต้ม ซุป ไข่ตุ๋น กล้วยบด มันฝรั่งบด โยเกิร์ต 
  2. ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง วิตามินซีช่วยซ่อมแซมเหงือกและเนื้อเยื่อ ฝรั่ง ส้ม สตรอว์เบอร์รี มะเขือเทศ ผักใบเขียว เช่น บรอกโคลี ปวยเล้ง 
  3. อาหารที่มีแคลเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างฟันและกระดูกให้แข็งแรง นม โยเกิร์ต เต้าหู้ งาดำ ปลาเล็กปลาน้อย 
  4. อาหารที่มีโอเมก้า-3 ลดการอักเสบในร่างกาย ปลาแซลมอน ปลาทู เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท
  5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ช่องปากชุ่มชื้น ลดการสะสมของเชื้อโรค

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

  1. อาหารกรอบ แข็ง หรือเหนียว (เช่น ข้าวเกรียบ ถั่วลิสง) 
  2. อาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือเค็มจัด 
  3. อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง (เสี่ยงฟันผุ) 
  4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟ 
  5. ของร้อนหรือเย็นจัด (กระตุ้นให้เหงือกระคายเคือง)

สรุป

ปัญหาช่องปากเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่ใครหลายคนมองข้ามทำให้เกิดโรคต่างๆในช่องปากตามมามากมาย เลยอยากให้ทุกคนหันมาดูคุณช่องปากของตัวเองกันเยอะๆนะครับ